A Kick in The Teeth: เรื่องเศร้าในช่องปาก
ทุกครั้งที่ ทพญ. สมจิต มองเข้าไปในปากของคนไข้รายใหม่ๆ เธอมักกังวลกับสิ่งที่อาจจะได้เจอ เพราะตลอด 6 ปีหลังที่เธอหันมาให้การรักษาด้านการจัดฟัน เธอได้เห็นการจัดฟันที่ไม่ถูกต้องมากกว่า 100 ครั้ง
ปัจจุบัน ทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันในประเทศไทยมีเพียง 600 คนเท่านั้น และมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เปิดการเรียนการสอนเฉพาะทางเกี่ยวกับการจัดฟันก็มีจำนวนไม่มากนัก ทันตแพทย์ทั่วไปจำนวนไม่น้อยจึงตัดสินใจที่จะเรียนรู้ในเรื่องนี้ผ่านการศึกษาของเอกชน
จำนวนทันตแพทย์ทั่วไปที่เข้ารับร่วมหลักสูตรการอบรมระยะสั้นเพื่อให้สามารถจัดฟันได้มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีหลัง นำไปสู่ความกังวลเรื่องความปลอดภัยของคนไข้จากทันตแพทย์จัดฟันที่ได้รับการศึกษาต่อในหลักสูตรจัดฟันที่ได้การรับรองอย่าง ทพญ. สมจิต ผู้ที่ขอให้ปกปิดชื่อและนามสกุลจริงเนื่องจากความอ่อนไหวของประเด็นนี้
ครั้งแรกที่เธอพบกับความผิดปกติเกี่ยวกับการจัดฟัน คือในปี 2550 เมื่อเริ่มคบกับชายหนุ่มที่จะกลายมาเป็นสามีของเธอในภายหลัง ขณะที่ ทพญ. สมจิต ซึ่งขณะนั้นยังเป็นทันตแพทย์ทั่วไปกำลังขูดหินปูนให้กับแฟนหนุ่มของเธออยู่ ก็สังเกตพบอาการที่เรียกว่า malocclusion หรือ การสบฟันที่ผิดปกติ
เธอจึงตัดสินใจไปพร้อมเขาเมื่อเขานัดจัดฟันครั้งต่อไป ก่อนจะพบว่าทันตแพทย์คนนั้นไม่ใช่ทันตแพทย์จัดฟัน เธอจึงรีบพาเขาไปพบกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นโดยทันที
หลังจากเรียนจบเป็นทันตแพทย์จัดฟันอย่างถูกต้องแล้ว ทพญ. สมจิตจำได้ว่ามีคนไข้นับร้อยที่เปลี่ยนจากทันตแพทย์คนอื่น ๆ มาหาเธอ เนื่องการให้บริการจัดฟันที่ต่ำกว่ามาตรฐานจากทันตแพทย์ที่ไม่ได้เป็นทันตแพทย์จัดฟัน
คลินิกชั้นสอง
เมื่อ ทพ. โจ ผู้ขอให้เอ่ยถึงได้เฉพาะชื่อเล่น เปิดคลินิกทำฟันของตัวเองบนถนนพระรามสอง เมื่อปี 2531 เขาตั้งใจว่าจะทำงานขูดหินปูน ถอนฟัน ไปจนถึงอุดฟัน โดยใช้ผู้ช่วยเพียงไม่กี่คน เนื่องจากที่ตั้งของคลินิกที่อยู่บริเวณชานเมืองของกรุงเทพฯ ทำให้ไม่น่าจะทำรายได้ได้มากนัก แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อเขาตัดสินใจรับทันตแพทย์ที่ทำงานจัดฟันเข้ามาทำงานในคลินิกด้วย เมื่อ 5 ปีก่อน
ในขณะที่ทันตแพทย์จัดฟันส่วนใหญ่นิยมทำงานในโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่หรือคลินิกทำฟันที่ตั้งอยู่ในเขตใจกลางเมืองมากกว่า ทพ. โจ จึงตัดสินใจที่จะจ้างทันตแพทย์ซึ่งไปอบรมจัดฟันมาเพิ่มเติม มาทำงานในคลินิกของเขา ด้วยการแบ่งรายได้ในสัดส่วนที่สูงกว่าการทำฟันอย่างอื่นให้แก่ทันตแพทย์ที่ทำงานจัดฟัน
แต่ก็เหมือนกับเจ้าของคลินิกทำฟันคนอื่นๆ ที่ไม่พอใจสัดส่วนรายได้นี้ เขาจึงตัดสินใจลดลงการพึ่งพาทันตแพทย์อื่น ด้วยการลงทะเบียนเรียนหลักสูตรการอบรมว่าด้วยการจัดฟันด้วยตัวเองแทน
การอบรมครั้งนั้นใช้ระยะเวลาเพียง 1 ปี โดยจัดขึ้นในคลินิกแห่งหนึ่งย่านงามวงศ์วาน จ.นนทบุรี และมีอาจารย์เกษียณจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพเป็นวิทยากร โดยผู้เข้าอบรมจะต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละประมาณ 500,000 บาท ที่รวมค่าอุปกรณ์กว่า 100,000 บาทเอาไว้แล้ว
แม้เขาจะสำเร็จการอบรมนั้นตั้งแต่ 4 ปีก่อน แต่ก็เพิ่งให้บริการจัดฟันเมื่อปีที่ผ่านมาที่คลินิกทำฟันแห่งใหม่ของเขาย่านลาดพร้าว กรุงเทพฯ
เส้นทางที่ทั้งยาวและคดเคี้ยว
ทพ. ไชยรัตน์ เฉลิมรัตนโรจน์ นายกสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้ พ.ร.บ. วิชาชีพทันตกรรมของประเทศไทย จะไม่ได้ห้ามทันตแพทย์ทั่วไปจากให้การรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน แต่ภายใต้ระบบการศึกษาระดับปริญญาตรีปกติ สิ่งที่นักศึกษาวิชาชีพทันตกรรมจะได้รับเป็นเพียงความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดฟัน โดยได้ลงมือปฏิบัติในการจัดฟันแบบง่าย ๆ ด้วยเครื่องมือแบบถอดได้ ในผู้ป่วย 1-2 รายเท่านั้น
การจะเป็นทันตแพทย์จัดฟันได้นั้น หลังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี 6 ปีแล้ว ทันตแพทย์ทั่วไปจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมเฉพาะทางต่อ ในหลักสูตรเต็มเวลาเป็นเวลาอย่างน้อยอีก 2 ปี
ปัจจุบัน มีมหาวิทยาลัยเพียง 7 แห่ง ที่ให้การฝึกอบรมวิชาทันตกรรมจัดฟัน โดยมักรับทันตแพทย์ทั่วไปเข้าศึกษาต่อเพียงปีละ 5-10 คนเท่านั้น นั่นแปลว่าจะมีทันตแพทย์จัดฟันที่สำเร็จการศึกษาเพียงปีละ 20-30 คน
ทพ. ไชยรัตน์ ซึ่งขณะเดียวกันยังดำรงตำแหน่งเป็นคณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวถึงเหตุผลที่การฝึกอบรมเพื่อให้ได้เป็นทันตแพทย์จัดฟันมีจำนวนค่อนข้างจำกัด ว่าเป็นเพราะ “ต้องการให้ได้ทันตแพทย์จัดฟันที่มีคุณภาพสูง”
ทั้งนี้ การฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางนี้ จะอยู่ภายใต้การดูแลของราชวิทยาลัยทันตแพทย์แห่งประเทศไทย โดยใช้ระยะเวลาฝึกอบรมกว่า 3 ปี นักศึกษาจำเป็นต้องผ่านการฝึกอบรมด้วยการปฏิบัติงานจริงในคลินิกและต้องทำการจัดฟันให้กับคนไข้จริง ๆ มากกว่า 50 คน ก่อนที่จะได้รับวุฒิบัตรสาขาทันตกรรมจัดฟันจากทันตแพทยสภา
ภายหลังเรียนจบปริญญาตรีคณะทันตแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทพญ. สมจิตใช้เวลาอีก 2 ปีในการเตรียมตัวสอบเข้าเรียนแพทย์เฉพาะทางด้านการทันตกรรมจัดฟัน โดยใช้เวลาว่างระหว่างทำงานในคลินิกทำฟันของเอกชนอ่านหนังสือ ปีแรก เธอยื่นใบสมัครไปยัง 4 มหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้รับเลือก ปีที่สอง เธอยื่นใบสมัครไปถึง 6 มหาวิทยาลัย และได้รับเลือกให้เข้าเรียนในภาควิชาทันตกรรมจัดฟันของมหาวิทยาลัยขอนแก่น จากจำนวนผู้ที่ยื่นใบสมัครในปีนั้นถึง 80 คน
ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เธอต้องเข้าเรียนจากวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ระหว่างแปดโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น นอกจากนี้ ช่วงสุดสัปดาห์ เธอจะยังต้องไปทำงานที่คณะ เพื่อรักษาคนไข้กว่า 60 คน ภายใต้การดูแลของอาจารย์ แม้ถึงปัจจุบัน เธอก็ยอมรับว่ายังรู้สึกกังวลเสมอหากต้องมาเจอกรณีที่เห็นว่ายาก
การศึกษาในโรงเรียนเอกชน
เมื่อศูนย์ทันตกรรมจัดฟันสยามของ อดีตหัวหน้าภาควิชาทันตกรรมจัดฟันของ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เปิดตัวขึ้นเมื่อกว่าทศวรรษก่อน มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับทอล์กออฟเดอะทาวน์ในแวดวงการทำฟัน
ปัจจุบัน ศูนย์ฯ นี้ย้ายไปตั้งอยู่บนถนนพระรามห้า ซึ่งเปิดให้บริการทั้งในฐานะคลินิกทำฟันและศูนย์ฝึกอบรม โดยแหล่งข่าวในวงการได้กล่าวกับทีมข่าว Spectrum ว่า มีเก้าอี้ทำฟันถึง 30 ตัวอยู่ในศูนย์ ให้บริการหลักสูตรอบรมเรื่องการจัดฟันโดยคิดค่าอบรมสูงสุดถึง 1,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของผู้เข้าอบรมต่อหัวข้อการอบรมนั้น ๆ
พล.ท. ทพ. พิศาล เทพสิทธา ซึ่งมีภาพปรากฎว่าเป็นผู้มอบประกาศณียบัตรให้กับผู้จบการศึกษาจากศูนย์ฯ นี้ เมื่อปี 2547 ในขณะที่ยังเป็นนายกแพทยสภา และปัจจุบันยังเป็นผู้สอนอยู่ที่ศูนย์ฯ นี้ด้วย กล่าวว่า การกระทำต่างๆ ของตัวเขา ทำไปในฐานะส่วนตัว โดยที่ทันตแพทยสภาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในพิธีมอบเกียรติบัตรดังกล่าว เพราะศูนย์ฯ นี้ ไม่ใช่สถาบันการศึกษาซึ่งได้รับการรับรองจากทันตแพทยสภา หรือสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
แต่ในขณะที่ศูนย์ฯ นี้ มีชื่อเสียงค่อนข้างดีในแวดวงการทำฟัน โรงเรียนทันตกรรมเอกชนอื่นๆ กลับไม่ได้รับการยอมรับในระดับที่ใกล้เคียงกันเลย
ทพ. ไชยรัตน์ จากสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลักสูตรการอบรมส่วนใหญ่มักใช้เวลาในการอบรมเพียง 1-2 วันเท่านั้น ในขณะที่บางหลักสูตรที่จัดอบรมในลักษณะพาร์ทไทม์ใช้เวลาในการอบรม 2 ปี อย่างไรก็ตาม ไม่ทุกหลักสูตรที่จะมีการฝึกอบรมด้วยการปฏิบัติงานจริงในคลินิก นอกจากนี้ จำนวนอาจารย์ผู้สอน จำนวนคนไข้ รวมถึงระยะเวลาในการดูแลคนไข้ ก็มีความไม่แน่นอน
หลักสูตรการอบรมที่ถูกนำเสนอโดยอาจารย์จากมหาวิทยาลัยอีกแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ซึ่งถูกส่งต่อผ่านแอพลิเคชั่นไลน์ซึ่งทีมข่าว Spectrum ได้เห็น เสนอค่าเล่าเรียนสำหรับการอบรมอยู่ที่รายละ 300,000 บาท และหากมีภาคปฏิบัติด้วย จะคิดเพิ่มอีกรายละ 250,000 บาท โดยการอบรมครั้งล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นที่ จ.สระบุรี และแม้จะให้รายละเอียดว่าการอบรมดังกล่าวจะเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 2 ปี แต่บทเรียนต่างๆ มักเกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน นั่นแปลว่าตลอดทั้งหลักสูตรจะใช้เวลาในการเรียนเพียง 24 วันเท่านั้น
ความต้องการที่เพิ่มขึ้น
แม้ไม่มีสถิติอย่างเป็นทางการว่าจำนวนคนไทยที่เข้ารับการจัดฟันในปัจจุบันมีมากน้อยเพียงใด แต่ข้อมูลจากรายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อปี 2532 ระบุว่า เด็กไทยที่มีอายุสิบสองปีถึง 12% มีฟันที่เรียงไม่เป็นระเบียบ ซึ่งอาจต้องการการจัดฟัน
“ข้อมูลดังกล่าวยังจริงจนถึงวันนี้” ทพ. ทรงวุฒิ ตวงรัตนพันธ์ กรรมการทันตแพทยสภากล่าว และว่า “แต่ช่วงระยะเวลา 10 ปีหลัง เด็กไทยเข้ารับการจัดฟันด้วยเหตุผลเรื่องความสวยความงาม มากกว่าเหตุผลทางการแพทย์”
ข้อมูลของทันตแพทยสภา ระบุว่า ในปัจุจบัน ประเทศไทยมีจำนวนทันตแพทย์ทั่วไปถึง 15,000 คน เพิ่มขึ้นจากในปี 2549 ที่มีจำนวนเพียง 9,500 คน โดยในจำนวนนี้กว่า 600 คนเป็นทันตแพทย์จัดฟัน แต่คนที่ได้รับวุฒิบัตรสาขาทันตกรรมจัดฟันจากทันตแพทยสภามีเพียง 229 คนเท่านั้น
การแข่งขันทางธุรกิจการจัดฟันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคลินิกทำฟันหลายแห่งได้เสนอโปรโมชั่นที่จูงใจลูกค้าซึ่งต้องการจัดฟันด้วยเหตุผลทางการแพทย์ คลินิกทำฟันใกล้สถานีรถไฟฟ้าแบริ่งแห่งหนึ่งยื่นข้อเสนอที่เรียกว่า “โปรโมชั่นศูนย์บาท” ที่หมายถึงว่าลูกค้าไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินสักบาทสำหรับการเข้าตรวจช่องปากสำหรับทำเหล็กจัดฟัน แต่จะต้องจ่ายเงิน 3,500 บาท ในการนัดหมายเพื่อใส่เหล็กจัดฟันครั้งแรก รวมถึงจ่ายเพิ่มอีกครั้งละ 1,400 บาทสำหรับการนัดหมายอีก 26-30 ครั้งถัดไป
เขามองว่า หลักสูตรการอบรมที่สอนโดยอาจารย์มหาวิทยาลัยซึ่งเกษียณแล้วได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงระยะเวลา 3 ปีหลัง ทำให้เกิดหลักสูตรการอบรมในลักษณะใกล้เคียงกัน ซึ่งไม่ได้อยู่ภายใต้การศึกษาตามระบบ
ทพ. ทรงวุฒิให้นิยามหลักสูตรการอบรมซึ่งจัดขึ้นโดยภาคเอกชน ว่าเป็น “การศึกษาต่อเนื่อง” ซึ่งทันตแพทยสภาจะไม่ประณามการเกิดขึ้นของหลักสูตรเหล่านี้ เพราะใครที่จบจากสถาบันการศึกษาของเอกชนก็มีโอกาสที่จะทำงานจัดฟันได้ แม้จะไม่ได้วุฒิบัตรสาขาทันตกรรมจัดฟันจากทางทันตแพทยสภาก็ตาม
ทันตแพทย์ทั่วไปสามารถติดป้ายโฆษณาบริการจัดฟันด้านหน้าคลินิกของพวกเขาเอง แต่ต้องเขียนงานที่ให้บริการทุกสาขาที่ให้บริการด้วยตัวอักษรที่เท่ากัน ขณะที่การโฆษณาคลินิกว่าเป็นศูนย์จัดฟัน จะใช้ได้เฉพาะกับทันตแพทย์จัดฟันที่ได้รับวุฒิบัตรหรืออนุมัติบัตรจากทันตแพทยสภาเท่านั้น
ระหว่างปี 2556 – 2559 ทันตแพทยสภาได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวน 40 คำร้อง โดยมี 14 คำร้องที่เกี่ยวข้องกับการจัดฟัน และกว่า 80% ของคำร้องเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับผลของการจัดฟันที่ไม่ได้ดำเนินการโดยทันตแพทย์จัดฟัน ซึ่ง ทพ. ทรงวุฒิระบุว่า กรณีดังกล่าวเนื่องจากคนไข้ยังอยู่ในขั้นตอนการรับการรักษาจึงยากที่จะบอกว่าเป็นการรักษาที่ต่ำกว่ามาตรฐานหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีบางคำร้องที่ระบุถึงมารยาทของตัวทันตแพทย์ ไม่ใช่คุณภาพการรักษา
ยอมรับความเสี่ยง
หนึ่งในสถานการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้กับ ทพญ. สมจิตที่สุด เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน เมื่อคนไข้เข้ามาขอความเห็นจากเธอ หลังเข้ารับการจัดฟันจากทันตแพทย์อีกคนเป็นเวลาปีกว่าแล้ว แต่ไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ
เธอตัดสินใจว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้น “ทุกอย่างแย่หมด” พร้อมแจ้งกับคนไข้ไปว่าจะต้องนำอุปกรณ์ทั้งหมดออกจากปากและเริ่มติดเครื่องมือใหม่ โดยจะต้องเสียค่าใช้จ่ายถึง 45,000 บาท ซึ่งมีราคาสูงกว่าค่าใช้จ่ายขั้นต่ำที่เธอคิดจากคนไข้ตามปกติกว่า 10,000 บาท เนื่องจากความยุ่งยากในการดำเนินการ
ถึงวันนี้ ทพญ. สมจิตซึ่งทำงานอยู่ในคลินิกถึง 6 แห่ง ที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใน จ.ชลบุรี พบกับคนไข้จำนวนมากที่ต้องการความเห็นเพิ่มเติมจากเธอว่าพวกเขาได้รับการจัดฟันที่ถูกต้องหรือไม่ กรณีที่พบส่วนใหญ่มันเป็นการสบฟันที่ผิดปกติรวมไปถึงการรักษาที่ไม่ค่อยคืบหน้า แต่ไม่ใช่ทุกกรณีที่สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของกรณีนั้นๆ
ด้าน ทพ. ไชยรัตน์ จากสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย มองว่า ปัญหาของการที่ทันตแพทย์ทั่วไปมาให้บริการจัดฟันด้วย พบในทุกประเทศ และวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือให้ความรู้กับคนไข้ที่จะเข้ารับการรักษาจากทันตแพทย์จัดฟันโดยตรง
ทั้งสมาคมทันตแพทย์จัดฟันฯ และทันตแพทยสภา ต่างกระตุ้นให้สาธารณชนช่วยกันตรวจสอบคุณสมบัติของทันตแพทย์ตัวเองว่ามีความเหมาะสมกับบริการที่กำลังให้อยู่หรือไม่
ทพญ. สมจิต ระบุว่า คนไข้ของเธอหลายคนมองว่า ทันตแพทย์ทุกคนที่ให้บริการจัดฟันต่างเป็นทันตแพทย์จัดฟันในระบบ และพวกเขาก็มักจะแปลกใจที่ไม่มีกฎหมายคุ้มครองบริโภคฉบับใดมาบังคับให้ทันตแพทย์ทั่วไปที่มาให้บริการรับจัดฟันต้องแสดงตัวว่า “ไม่ใช่ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจัดฟันโดยตรง”
แต่ ทพ. โจ ทันตแพทย์ทั่วไปที่ให้บริการรับจัดฟันด้วย ยังคงยอมรับว่าบริการรับจัดฟันไม่ใช่สิ่งที่ยุ่งยากเหมือนที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญระบุ โดยประเมินว่า 90% ของคนไข้ที่ต้องการจัดฟันไม่ใช่กรณีที่มีความซับซ้อน
รายงานพิเศษ เรื่องการให้บริการจัดฟันโดยทันตแพทย์ทั่วไปกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยจัดฟันในปัจจุบัน จากหนังสือพิมพ์ Bangkok Post เผยแพร่ครั้งแรก เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2559
ทั้งนี้ รศ.ดร.ทพ.ไชยรัตน์ เฉลิมรัตนโรจน์ นายกสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์ประกอบในบทความนี้ด้วยครับ
ติดตามอ่านบทความฉบับเต็มได้ที่นี่ครับ
ที่มา: Bangkok Post
คำแปลข่าว “A kick in the teeth” ของนันท์ชนก วงษ์สมุทร์ ผู้สื่อข่าวเซ็กชั่น Spectrum ของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เผยแพร่ครั้งแรก เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2559